วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จะเป็นอย่างไร เมื่อแชมป์ฟุตบอลโลกใช้หลักคิดแบบเดียวกับสมาคมมวยโลก

ใกล้เข้ามาแล้วกับมหกรรมฟุตบอลโลก 2014 ที่จะเริ่มขึ้นที่บราซิล ซึ่งนั่นเป็นฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการที่ 4 ปีจะมีซักหนึ่งครั้ง แต่วันนี้ผมขอแหวกกระแสบ้างว่า ถ้าเราไม่หาแชมป์โลกทุก 4 ปี แต่เราหาแชมป์โลกได้ทุกปี ได้ทุกเดือน หรือถ้าจะขยันก็เปลี่ยนมือไปทุกวันก็ได้เอา

บทความนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เราจะมาหาแชมป์ฟุตบอลโลกโดยใช้หลักคิดเดียวกับสมาคมมวยโลก หลักการง่ายๆ ก็คือ ใครเป็นแชมป์ ก็ต้องหาคนมาชิงแชมป์ ถ้าสามารถชนะแชมป์ได้คุณก็เป็นแชมป์แทน อะไรแบบนั้น

ให้นึกภาพเขาทราย แกแล็กซี่ครับ ที่ป้องกันแชมป์นับสิบครั้ง ซึ่งก่อนที่เขาทรายจะมาเป็นแชมป์ เขาก็ต้องล้มแชมป์เก่าก่อน ซึ่งเราจะนำหลักการนี้มาใช้กับฟุตบอล อยากรู้หรือเปล่าครับว่าจะเป็นยังไง แล้วใครจะเป็นแชมป์... มาชมกันเลยครับ

ถ้วยซ้ายเป็นถ้วย UFWC (จริงจังโคตรๆ) ถ้วยขวาเป็นถ้วยฟุตบอลโลกจริง

จุดเริ่มต้น
เกิดจากแฟนบอลชาวสก็อตแลนด์คนหนึ่ง ที่วันหนึ่งทีมชาติสก็อตแลนด์สามารถชนะทีมชาติอังกฤษได้เป็นทีมแรกหลังจากที่อังกฤษคว้าแชมป์โลกได้ในปี 1966 เขาจึงโมเมว่า นี่ไง เราชนะแชมป์ ดังนั้นเราก็ต้องเป็นแชมป์ต่อไป ใครอยากได้แชมป์ต้องมาล้มเรานะ (คำพูดมีการเสริมเติมแต่งโดยผู้เขียนเอง แต่จุดเริ่มต้นนั้นเรื่องจริง)

และเรื่องนี้ก็ไปถึงหู Paul Brown ที่เป็นนักเขียนอิสระ ซึ่งไปเขียนลงนิตยสาร FourFourTwo ในปี 2011 ซึ่งเขาก็ต้องไปค้นคว้ามาตั้งแต่ว่าฟุตบอลนัดแรกอย่างเป็นทางการนั้นเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แล้วหลังจากนี้จะเป็นเส้นทางแชมป์โลกของ UFWC (Unofficial Football World Cup)

กฎกติกาของ UFWC
ถึงจะเป็นสถาบันเล่นๆ แต่ก็ต้องมีกฎกันหน่อย

.....1. ผู้ที่เป็นแชมป์ทีมแรกได้แก่ทีมชาติอังกฤษ ในนัดที่สองอย่างเป็นทางการ(นัดแรกเสมอกัน) ที่อังกฤษเอาชนะสก็อตแลนด์ไป 4-2

.....2. ทีมที่จะเป็นแชมป์โลก UFWC จะต้องเป็นทีมที่ล้มแชมป์โลกทีมเก่าได้เท่านั้น
..........2.1 ถ้าผลจบลงด้วยการเสมอ แชมป์โลกจะยังเป็นทีมเดิม

.....3. UFWC จะคิดผลในช่วงต่อเวลาหรือดวลจุดโทษด้วย ในกรณีที่เป็นบอลทัวนาเม้นที่ต้องมีการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษตัดสินเพื่อหาคนเข้ารอบ
.........3.1 เราจะไม่นับการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษในกรณีที่ต้องมีการเตะบอลเหย้า-เยือน เพื่อหาคนเข้ารอบ เพราะการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษในฟุตบอลแบบนี้มันจะเกี่ยวเนื่องกับกฎประตูทีมเยือนด้วย ดังนั้นเราจะคิดผลแค่ใน 90 นาที

เส้นทางแชมป์เปี้ยน




ในตอนเริ่มแรก ฟุตบอลยังเตะกันอยู่ในเกาะอังกฤษ ดังนั้นในช่วงแรก ทีมที่วนเวียนเป็นแชมป์ก็จะมีอยู่แค่ทีมชาติอังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลและไอร์แลนด์

โดยทีมแรกที่เป็นแชมป์เกิดขึ้นในนัดที่สองอย่างเป็นทางการระหว่างอังกฤษกับสก็อตแลนด์ ซึ่งนัดแรกเสมอกัน 0-0 และนัดฉลองแชมป์แรกเกิดขึ้นที่สนามเคนนิงตันทาวน์ โอวัล ในวันที่ 8 มีนาคม 1873

และถึงแม้จะมีฟุตบอลโลกในปี 1930, 1934 และ 1938 แต่ที่เป็นแชมป์ขณะนั้นไม่ได้เข้าร่วม ทำให้แชมป์ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนไกล จนกระทั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

ปี 1931 แชมป์ออกไปนอกเกาะอังกฤษครั้งแรก
ทีมชาติออสเตรีย เป็นทีมแรกที่นำแชมป์ออกไปจากเกาะอังกฤษได้สำเร็จ แต่ก็เป็นแชมป์ได้เพียงสี่เดือนก็กลับมาอยู่บนเกาะอังกฤษอีกครั้ง แต่หลังยุค 1940s แชมป์ก็ได้วนเวียนไปทั่วยุโรปมากขึ้น จนกระทั้งก่อนเริ่มฟุตบอลโลกปี 1950 แชมป์ก็กลับมาอยู่ที่ทีมชาติอังกฤษ เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ทีมแชมป์โลก UFWC ได้เข้าร่วมมหกรรมลูกหนังระดับโลก

หลังจากที่ทีมแชมป์ UFWC เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก แชมป์ก็มีการกระจายทวีปมากขึ้นไปทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และก็ยุโรป วนเวียนอยู่ในสามทวีปนี้

2004 แชมป์แรกของทวีปแอฟริกา
เป็นการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างไอร์แลนด์กับไนจีเรีย ซึ่งนัดนั้นไนจีเรียสามารถคว้าชัยเหนือไอร์แลนด์ไปได้ จึงเป็นทีมแรกที่นำแชมป์มาสู่ทวีปแอฟริกา ซึ่งตลอดปี 2004-2005 แชมป์ก็เปลี่ยนมือแต่ยังวนเวียนอยู่ในทวีปนี้ตลอด จนกระทั่งไนจีเรียมาพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อโรมาเนีย ซึ่งไม่นานโรมาเนียก็มาพ่ายต่ออุรุกวัย

2010 แชมป์วนเวียนมาทวีปเอเชีย




จริงๆ ก่อนหน้านั้นแชมป์เคยมาทวีปเอเชียแล้วครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องเสียแชมป์ไป แต่ในปี 2010 ถึงปี 2013 เรียกว่าทีมจากเอเชียร์ครองความยิ่งใหญ่ในถ้วย UFWC แต่เพียงทวีปเดียว(เว้อซะ 555 )

หลังจากที่อาเจนตินาคว้าชัยเหนือสเปนไปได้ 4-1 หลังจากนั้นแชมป์ก็ไม่เข้าไปยุโรปพักใหญ่ๆ และหลังจากนั้นอีกไม่นานเมื่อเดือนตุลาคมปี 2010 การป้องกันแชมป์ครั้งแรกของอาเจนติน่าก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อมาพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นแบบพลิกความคาดหมายไป 1-0 ญี่ปุ่นจึงเป็นทีมแรกทีมคว้าแชมป์โลกของ UFWC มาได้สำเร็จ และเป็นทีมแรกของเอเชียอีกด้วย

แถมยังนำตำแหน่งแชมป์โลกเข้าไปชิงชัยในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียอีกต่างหาก แล้วก็ไม่มีใครสามารถล้มญี่ปุ่นได้จนสามารถคว้าแชมป์เอเชียได้เป็นผลสำเร็จ เป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมที่มีตำแหน่งแชมป์ UFWC ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้น แล้วยังจบทัวร์นาเม้นด้วยตำแหน่งแชมป์อยู่

2013 ทีมชาติไทยเฉียดแชมป์โลกมากที่สุด




หลังจากที่ญี่ปุ่นต้องมาเสียแชมป์ให้กับเกาหลีเหนือในปลายปี 2011 และตลอดปี 2012 เกาหลีเหนือก็ครองแชมป์ยาวมาตลอดทั้งปี ไม่สามารถมีใครสามารถโค่นแชมป์เปี้ยนทีมนี้ลงได้เลย (ก็เล่นไม่แข่งกับทีมนอกทวีปเลยนี่นา) จนกระทั่งฟุตบอลคิงส์คัพ 2013 ที่จัดขึ้นในเดือนมกราคมที่ประเทศไทย ทีมชาติเกาหลีเหนือก็เป็นหนึ่งในสี่ทีมที่เข้าร่วมทัวนาเม้น ซึ่งประกอบด้วย สวีเดน, ฟินแลนด์และทีมชาติไทย

และเพียงแค่นัดเปิดสนาม เกาหลีเหนือก็ต้องพ่ายจุดโทษให้แก่สวีเดน ทำให้ทีมจากเอเชียเสียแชมป์ที่ครองมายาวนานกว่า 1 ปี 3 เดือน ซึ่งถือว่าทีมชาติไทยเข้าใกล้แชมป์มากที่สุด ถ้าหากเพียงแต่ทีมชาติไทยคว้าแชมป์คิงส์คัพครั้งนี้ได้ แต่ไทยก็พ่ายต่อฟินแลนด์ไป 3-1 ตั้งแต่ในรอบแรก ทำให้ผมสิทธิ์ลุ้นแชมป์ UFWC แต่ก็ถือว่าเป็นการเข้าใกล้แชมป์มากที่สุด (ก็เล่นเชิญทีมแชมป์มาแข่งเองนี่เนอะ)

อุรุกวัย เป็นแชมป์ก่อนเริ่มฟุตบอลโลก
อุรุกวัยนำทีมโดยหม่อมกัด หลุย ซัวเรส เป็นทีมที่เป็นแชมป์อยู่ในขณะนี้ โดยการคว่ำอาเจนติน่าในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2013 และก็รักษาแชมป์มาจนกระทั่งถึงตอนนี้ โดยนัดล่าสุดที่ชนะสโลวีเนียในเกมอุ่นเครื่อง ก็เป็นแชมป์สมัยที่ 6 แล้วของอุรุกวัย

ต้องมาลุ้นกันว่าตอนจบทัวร์นาเม้น อุรุกวัยจะเป็นทีมที่ยังรักษาตำแหน่งแชมป์ได้ต่อไปหรือไม่ (มันอาจหมายถึงว่า อุรุกวัยต้องเป็นแชมป์โลกโดยที่ไม่แพ้ใคร หรือไม่ก็ตกรอบไปโดยที่เสมอทั้ง 3 นัด) ซึ่งเส้นทางถือว่าไม่ง่ายเลยที่ต้องมาอยู่ร่วมกลุ่มกับทั้งอังกฤษ อิตาลีและคอสตาริก้า

ต้องมาลุ้นกันครับว่า สุดท้ายแล้วตอนจบทัวร์นาเม้นฟุตบอลโลก แชมป์ UFWC ยังจะเป็นอุรุกวัยหรือไม่ หรือว่าแชมป์จะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเกาะอังกฤษ ต้องมาตามลุ้นดูกันนะครับ



_____________________________________________________
ข้อมูลทั้งหมดรวมรวมมาจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Unofficial_Football_World_Championships
http://www.fifa.com/

แถมเว็บทางการของบอกถ้วย UFWC
http://www.ufwc.co.uk/







วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ดูหนังไปได้ไงตั้งสามเรื่องในวันเดียว

จริงๆ น่าจะเป็น 4 เรื่องด้วยซ้ำ ถ้าอีกเรื่องนึงลดราคานะ ไม่น่ารอด

สืบเนื่องจากผมไม่ได้ดูหนังมานานนับเดือน ก็เลยวางไว้ว่าวันพุธนี้จะจัดหนังชุดใหญ่ซักรอบนึง โดยหนัง 4 เรื่องที่ผมคิดว่าจะดูก็มี Edge of Tomorrow, Godzilla, Raids2 และ พระนเรศวร

โปรแกรมที่วางไว้ทีแรกจะเป็น
12.00  Raid2
15.15  Gozilla
18.00  Edge of Tomorrow
20.25  King Naresuan

แต่มีเหตุสุดวิสัยบางอย่าง เมื่อวินาทีที่ไปอยู่หน้าเค้าเตอร์ กดหนังเรื่อง Raids2 รอบเที่ยงตรง ปรากฎว่าราคาค่าตั๋วมันเป็น 110 บาท เห้ย...มันไม่ใช่แล้ว ปกติต้อง 90 บาทดิ สงสัยเรามาช้าเกินไป ราคา 90 คงหมดมั้ง ผมเลยจัดการซื้อตั๋วก็อตซิล่าไปก่อนในรอบเที่ยงครึ่ง แก้ขัด

หลังจากนั้น ผมก็เช็คราคาที่ตู้ขายอีกทีนึง กดดูเรื่อง Raids2 รอบบ่ายสาม มันราคาเท่ากันเลย ผมก็ตัดใจซื้อซะตอนนั้นเลย ช่างมัน ดู 2 เรื่อง 2 ร้อย มันก็ถือว่าถูกแล้วกับการดูหนังสมัยนี้

มาที่หนังเรื่องแรก Godzilla


ในหัวผมก็มีภาพไดโนเสาร์ตัวใหญ่ๆ เดินถล่มเมือง มีแค่นี้เอง โดยไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะสนุกหรือไม่สนุก คิดแค่ว่าถ้าก็อตซิล่ามา แล้วอเมริกาจะจัดการยังไง แล้วเทพีเสรีภาพ จะโดนก่อนเพื่อนเหมือนหนังหลายเรื่องที่ทำกันหรือเปล่า

ปรากฎว่าพลิกว่ะครับ มันคนละเรื่องเลย จากภาพในหัวก็อตซิล่าถล่มเมือง ปรากฎว่ามันไม่ใช่เลยครับ ปรากฎว่ามันสนุกกว่าที่คิดไว้มาก บอกเลยเรื่องนี้ก็อตซิล่าหล่อมาก รับรองเลยว่า พอดูเรื่องนี้จบ คุณต้องหลงรักก็อตซิล่าขึ้นอีกเป็นกองเลย ฉากบู้ก็มัน ฉากฮาก็มี โดยเฉพาะท่าพิฆาตของก็อตซิล่าเนี่ย ทำเอาผมขำไปเลย (จริงๆทั้งโรงผมหัวเราะอยู่คนเดียว 555 )

ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าสปอย(ทั้งๆที่อยากใจจะขาดก็เถอะ) ผมว่าเรื่องนี้ต้องดูเลย ไม่ควรพลาด เป็นหนังที่สนุกที่สุดของวันนี้แล้ว

หลังจากดูจบ ก็พอมีเวลาเหลือก่อนที่ Raids2 จะเข้าฉาย ผมก็เดินไปที่ตู้ขายตั๋วอีกครั้งเพื่อจะซื้อ Edge of Tomorrow แต่ปรากฎว่า ตั๋วราคา 160 บาท ไม่ไหวครับ ทำใจดูหนังราคานี้ไม่ได้จริงๆ กดเลือกมันทุกรอบแล้ว ราคานี้หมดเลย ผมก็เลยตัดใจไม่ดู ก็เลยซื้อตั๋วพระนเรศวรรอบหกโมงครึ่งแทน วันนี้ก็เลยได้ดูหนังแค่ 3 เรื่อง

มาเรื่องที่สอง Raid2


ในหัวผมไม่มีข้อมูลกับหนังเรื่องนี้เลย ตัวอย่างหนังก็ไม่เคยดู แต่เห็นว่าเป็นหนังบู้ก็เลยเลือก เพราะผมชอบดูหนังบู้อยู่แล้วด้วย ก็เลยไม่ขัดศรัทธาตัวเอง ตีตั๋วเข้าไปดูเป็นเรื่องที่ 2

Raid2 เป็นเรื่องของพระเอกเป็นตำรวจ ที่ต้องแทรกซึมเข้าไปในวงการเจ้าพ่อ เพื่อโค่นล้มวงการเจ้าพ่อ โดยวิธีการก็บ้ามากๆ คือต้องติดคุกเพื่อไปตีเนียนกับลูกเจ้าพ่อ หลังจากนั้นเมื่อสนิทกันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเข้าไปอยู่ในวงการ

เรื่องนี้ต้องบอกว่าพระเอกมันเก่งเว้อมาก ผมว่าถ้าจ่าพนมมาเล่นท่าจะมัน แต่คนนี้เล่นก็โคตรสนุกแล้ว ภารกิจง่ายๆ คือโค่นล้ม ผมไม่บอกว่าเค้าโค่นล้มยังไง ให้ไปตามดูเอาเอง แต่เนื้อเรื่องไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่ แต่ไฮไลท์เนี่ยอยู่ตอนสุดท้ายเลย

สุดท้ายพระเอกจะต้องบุกเข้าไปจัดการเจ้าพ่อกลุ่มหนึ่ง(เรื่องนี้บอกได้ มันไม่ทำให้หนังสนุกน้อยลง ไม่น่าเรียกสปอยมั้ง) แล้วมันฮาตรงที่ พระเอกมันบุกไปคนเดียว แล้วแบบมันเป็นรังเจ้าพ่อที่มีลูกน้องเป็นร้อย ตอนดูให้นึกถึงตอนเล่นเกมพวกตะลุยด่านเลยครับ อย่างนั้นเลยครับ

พระเอกต้องเจอลูกน้องตั้งแต่ลูกกระจอก ไปจนถึงบอส คือแบบเจอเก่งไปเรื่อยๆ มันสนุกตรงนี้แหละครับ มันลุ้นว่าพระเอกมันจะไปได้ถึงไหน พระในด่านนั้นมันมีคนที่พระเอกสู้ไม่ได้อยู่ด้วย แล้วยิ่งบอสใหญ่ๆ ยิ่งโคตรเก่งครับ สนุกทีเดียวสำหรับฉากสุดท้าย ดูได้เลยครับเรื่องนี้ ไม่เสียดายตัง (แต่ตอนแรกๆ อย่าหลับซะก่อนล่ะ)

เรื่องสุดท้าย พระนเรศวร


เรื่องนี้ผมดูมาตั้งแต่ภาคแรก จนภาคนี้เป็นตอนสุดท้ายซักที ได้ยินกระแสมากมายว่า เห้ย...ทำไมจบอย่างนี้ จบแปลกๆ พอหลังจากไปดูผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ภาคนี้เป็นภาคสุดท้ายแล้ว ไฮไลท์อยู่ที่การทำยุทธหัตถีชนช้าง ผมว่าก็เป็นหนังที่สนุกใช้ได้เลย แต่ความสนุกผมให้เป็นรองสองเรื่องข้างบนอยู่ แต่ความน่าดูผมให้เป็นรองเรื่อง Godzilla เรื่องเดียว

เนื้อเรื่องก็ตามประวัติศาสตร์เลยครับ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ฉากประทับใจของผมคงอยู่ที่ฉากที่พระมหาธรรมราชา(บิดาของพระนเรศวร)สิ้นพระชนม์ ผมชอบฉากนี้ที่สุด เป็นฉากที่พ่อพูดกับลูก ผมดูไปน้ำตาเกือบไหลเหมือนกัน เป็นการฝากบ้านฝากเมือง แล้วรู้เลยว่าพระนเรศวรเป็นคนเก่งขนาดไหน ฉากนี้ฉากเดียวเรียกว่าเหมือนได้ดูมาครบทั้งสี่ภาคเลย

ผมว่าเรื่องนี้ดูได้ครับ แต่ผมว่ามันจบห้วนๆ ไปหน่อย เอาตรงๆ นะ ผมดูแล้วไม่รู้สึกรักชาติขึ้นมาเท่าไหร่เลย กลับกัน ผมกลับสงสารทางฝั่งพม่ามากกว่า รู้สึกอินกับฝั่งนู้นที่มีความพยายาม และระหว่างดูในหัวก็ดันนึกถึงบุเรงนอง หรือผู้ชนะสิบทิศ ขึ้นมาในหัวว่า ทำไมท่านเก่งจัง ตีอยุธาได้ยังไง แล้วก็ไปนึกว่าฉายานี้ท่านได้มาต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

ผมอาจจะเอียนกับหนังเรื่องพระนเรศวรไปมั้ง ผมเลยไม่อินเท่าไหร่ แต่เป็นหนังเรื่องนึงที่ควรดูนะครับ ดูเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ ผมว่าก็สนุกดีไปอีกแบบ

สรุปหนังวันนี้ให้เรียงเรื่องที่น่าดู
อันดังหนึ่ง Godzilla
เนื่องจากไม่ได้ตั้งความหวัง เลยรู้สึกสนุกเป็นพิเศษ ประถับใจในตัวก็อตซิล่าภาคนี้มาก ต้องดูให้ได้นะครับ

อันดับสอง พระนเรศวร
ถึงปากจะบอกไม่ชอบ แต่มันก็ดูแล้วไม่เบื่อ ดูได้จนจบเรื่อง การดำเนินเรื่องก็ดีกว่าเรื่อง Raid2 เพราะผมคงรู้เป้าหมายอยู่แล้วมั้ง มันก็เลยดูเพลินๆ

อันดับสาม Raid2
ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะ ผมว่าโอเคเลยทีเดียว ที่ให้อันดับสามเพราะว่าฉากบู้ ฉากฆ่ากัน ผมว่าภาพมันดูโหดไปหน่อย ไม่ต้องทำโหดขนาดนั้นก็ได้มั้งผมว่า ภาพมันไม่น่าดูเลย คือฟันทีเดียวให้ตาย ก็รู้แล้วว่าตาย ไม่ต้องฟันแหกปากให้เห็นก็ได้ แต่โดยรวมก็สนุกมากๆ ครับหนังเรื่องนี้

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

liverpool vs chelsea The Key Battles เปรียบเทียบช็อตต่อช็อต

นับตั้งแต่การประกบคู่ออกมา มันเป็นการพบกันของทีม Top4 และเป็นอีกนัดที่ไม่ควรพลาด หงส์เจอหอย, เฮียรอดเจอเฮียมู, อดีตเพื่อนร่วมงาน แต่ตอนนี้มาเป็นคู่ต่อสู้ ตอนนี้ทั้งสองทีมเป็นคู่ต่อสู้โดยตรงในการไล่ล่าแชมป์ และผลการแข่งขันในนัดนี้ถือว่าเป็นนัดตัดสินแชมป์เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ หงส์ได้จัดการล่มเรือใบมาได้แล้ว ทำให้ตอนนี้เชลซีเลยกลายเป็นรองจ่าฝูงอยู่ และถ้าเหตุการณ์ปกติ มันต้องเป็นอีกนัดหนึ่งที่สนุกมากแน่ๆ


จ่าฝูงที่ถือว่าได้จับหูถ้วยไว้ข้างหนึ่งแล้วหลังจากที่ชนะมา 11 เกมรวดอย่างมหัศจรรย์ และหงส์แดงเคยถูกเชลซีดับฝันไม่ให้ขึ้นจ่าฝูงมาแล้วในนัดที่พบกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นหงส์แดงก็ทำสถิติไม่แพ้ใครอีกเลย ชนะไป 14 เสมออีก 2 ใน 16 นัดหลังสุด หลังจากที่เฉือนชนะนอริช 3-2 มาในสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้หงส์แดงต้องการอีก 7 แต้มจาก 3 เกมเพื่อการันตีแชมป์ที่รอคอยมากว่า 23 ปี

เชลซีได้ทิ้งโอกาสตัวเองในการคว้าแชมป์หลังจากที่พลาดท่าเสียทีต่อซันเดอแลนด์ 1-2 ในบ้านตัวเองในนัดที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการแพ้ในบ้านครั้งแรกของมูรินโญ่ในการคุมทีมเชลซี ซึ่งถือเป็นการพ่ายแพ้ที่มาผิดเวลามากๆ ซึ่งทำให้ตอนนี้เชลซีตามหลังถึง 5 แต้มเข้าให้แล้ว และนำแมนซิตี้อยู่เพียงแต้มเดียวซึ่งแข่งน้อยกว่าทั้งสองทีมอยู่หนึ่งนัด ซึ่งชัยชนะนัดนี้จะทำให้เชลซีกลับมามีความหวังได้อีกครั้ง แต่มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า เมื่อเชลซีตอนนี้มีนักเตะบาดเจ็บเต็มไปหมด

รอดเจอร์ vs มูรินโย่

รอดเจอร์และมูรินโย่ต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันอย่างดี แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ อีกด้วยในตอนที่มูรินโย่มาคุมทีมเชลซีในครั้งแรก หลังจากนั้นรอดเจอร์ก็ออกไปคุมทีมวัตฟอร์ด, เรดดิ้ง, สวอนซีและล่าสุดก็ที่มูรินโย่กลับมาคุมทีมเชลซีอีกครั้ง รอดเจอร์ก็ได้มีโอกาสคุมทีมลิเวอร์พูล 

ในตอนแรกลิเวอร์พูลถูกคาดหวังว่าจะเป็นเพียงทีมที่ลุ้นตำแหน่งอันดับ 4 ในตารางเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ทีมของรอดเจอร์ก็การันตีอันดับ 3 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของกุนซือหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ และในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังแท็กติกส่วนใหญ่ของรอดเจอร์จะสลับไปมาระหว่าง 4-3-3 กับ 4-1-2-1-2 ซึ่งถือว่าเป็นแท็กติกที่ปิดจุดอ่อนของลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าเป็นแท็กติกที่เยี่ยมมาก จนน่าปรบมือให้เลย

เรารู้อยู่แล้วถึงความยอดเยี่ยมของมูรินโย่ ผลงานของเขาก็ตอบทุกอย่าง โดยสร้างความสำเร็จได้ในทุกๆสโมสรที่มูรินโย่ไปเยือน เชลซีอยู่ในเส้นทางชิงชัยตำแหน่งจ่าฝูง แถมตอนนี้ก็ผ่านเข้ารอบรองชนะเลยฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกไปแล้ว 

ซึ่งการที่มีเกมยุโรปอาจจะต้องทำให้มูรินโย่ตัดสินใจที่จะพักผู้เล่นสำคัญบางตำแหน่ง แต่มูรินโย่ก็คือมูรินโย่ เขาคงไม่ยื่นตำแหน่งแชมป์ให้กับลิเวอร์พูลง่ายๆ แน่ และมูรินโย่ก็ต้องมีแผนรับมือเพื่อชัยชนะไว้เช่นกัน ซึ่งเชลซีมีสถิติที่ดีมากในการพบกับทีมใหญ่ๆ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งการไปเยือนแอนฟิลครั้งนี้ไม่มีกลัวแน่นอน

Attack vs Defend : เปรียบเทียบสถิติของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูลมีฟอร์มถล่มประตูที่ร้อนแรงมาก ซึ่งฤดูกาลนี้ทำไปแล้วถึง 96 ประตู ถือเป็นสถิติสโมสรเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้กำลังท้าทายสถิติ 103 ประตูของเชลซีที่เคยทำไว้ ซึ่งมีโอกาสอีก 3 เกม สถิติการยิงประตูได้ในทุกๆ 35 นาที ลิเวอร์พูลทำประตูได้ 20% จากโอกาสทำประตู 477 ครั้ง ซัวเรสกับสเตอริดจ์เป็นผู้นำดาวซัลโว โดยทำไปคนละ 30 และ 20 ประตูตามลำดับ นอกจากนั้นยังมีสเตอริ่ง, เจอราร์ดและสเคอเทลที่ทำประตูรวมกันเฉียดๆ 30 ประตูเข้าให้แล้ว


ถ้าฤดูกาลนี้หงส์แดงสามารถคว้าแชมป์ได้ ก็จะมีโอกาสเป็นทีมแชมเปี้ยนที่เสียประตูมากที่สุดที่เคยมีมา แมนยูเคยทำไว้ที่ 45 ประตู ซึ่งลิเวอร์พูลตามอยู่เพียง 1 ประตูเท่านั้น ในขณะที่มีเกมรุกที่สุดยอด แต่เกมรับนั้นก็สุดแย่ ซึ่งแต่ละเกมที่ลิเวอร์พูลลงแข่งมักจะมีประตูเกิดขึ้นอย่างถล่มทลาย โดยปีนี้หงส์แดงเก็บคลีนชีสได้เพียง 10 เกมเท่านั้น โดยเสียประตูเฉลี่ย 1.26 ลูกต่อเกม ด้วยข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากมาย นี่ถือว่าเป็นตัวแปรที่น่ากลับเลยทีเดียวสำหรับเกมนี้

ในทางตรงกันข้าม เชลซีเป็นทีมที่มีเกมรับยอดเยี่ยมมากๆ โดยมีเทอรี่และเคฮิล เป็นสองเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดในลีกในขณะนี้ ด้วยคลีนชีสถึง 16 นัดและเสียงไปเพียง 26 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.74 ลูกต่อเกม อิวาโนวิชยืนประจำการฝั่งขวา โดยมีแบ็คซ้ายที่น่าประหลาดใจที่ชื่อนั้นเป็นซีซ่า แอสปิลิกูเอต้า ที่แย่งตำแหน่งของแอชลี่ โคลมาได้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งกลายเป็นแบ็คซ้ายตัวเลือกแรกของมูรินโย่ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว และการมีมาติซทำให้กองหลังเชลซีอุ่นใจขึ้นมาก แถมมีเว็ค ที่เป็นปราการด่านสุดท้ายที่อุ่นใจของเชลซี


สาเหตุที่จะทำให้มูรินโย่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ก็น่าจะเป็นจากเกมรุกที่ไม่สามารถทำประตูได้มากเท่าไหร่นัก และเมื่อดูจากสถิติ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วเมื่อทำได้เพียง 67 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งน้อยกว่าลิเวอร์พูลเกือบ 30 ลูก เชลซีชนะในแต่ละเกมมาได้ด้วยประตูอันน้อยนิด ซึ่งกองหน้าอย่างตอเรส, เอโต้และบาทำประตูรวมกันได้เพียง 17 ประตู ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับทีมใหญ่อย่างเชลซี และเป็นอาซาร์ที่ทำประตูได้มากสุดที่ 14 ประตู แถมยังมีออกก้าและชูเร่ ที่แต่ละคนทำประตูได้หน่อมแน้มมาก

Key Battle

ซาโก้ vs เคฮิล

มามาดู ซาโก้ กองหลังลิเวอร์พูลที่หายไปนานจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งฤดูกาลนี้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงไปเพียง 15 นัดเท่านั้น เขาเป็นกองหลังที่ดุดันโดยธรรมชาติ และเล่นได้ดีเมื่อเจอกองหลังที่ตัวใหญ่ๆ แต่เขาก็มักจะมีปัญหาเมื่อเจอฝั่งตรงข้ามกดดันหนักๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซาโก้ก็กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้อีกครั้งในสามเกมล่าสุด ดาวเตะฝรั่งเศษมีการเข้าปะทะที่สูงมากที่ 91.67% จากการปะทะทั้งหมด 24 ครั้ง ซาโก้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ลงเล่นในนัดที่แพ้เชลซี 2-1 ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ


เคฮิลเป็นหนึ่งในกองหลังตัวหลักของเชลซี ซึ่งเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากที่ย้ายออกมาจากโบลตันสู่รังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นกองหลังที่ไม่มีสถิติความผิดพลาดส่วนตัว เป็นกองหลังที่ไม่มีความเร็ว แต่ดุดันมากเวลาอยู่ในแดนตัวเอง และมีการทำงานที่หนัก เคฮิลลงเล่นไป 28 เกท โดยเก็บคลีนชีสได้ถึง 15 เกมเลยทีเดียว มีสถิติอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งมากเมื่อมีเคฮิลลงสนาม ทำให้ทั้งทีมมีสถิติชนะการแย่งลูกบนพื้น 68% และชนะลูกกลางอากาศ 70% แต่ตอนนี้แผงหลังที่ดีที่สุดในอังกฤษต้องมีปัญหาซะแล้ว เมื่อต้องลงเล่นในวันอาทิตย์ที่ไม่มีคู่หูอย่างจอห์น เทอรี่ ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาไม่นาน

สเตอริ่ง vs วิลเลี่ยน

หลังจากชัยชนะต่อนอริชเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รอดเจอร์ได้ให้ความเห็นต่อสเตอริ่งว่าเป็นดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในยุโรปขณะนี้ ด้วยความยอดเยี่ยมจากการทำได้ถึง 2 ประตูจากนัดล่าสุด ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเจ้าตัวเลยทีเดียว ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในทีม 11 คนแรกของรอดเจอร์ เมื่อตอนที่ซัวเรสโดนแบน ฮัลเป็นทีมแรกที่เขาลงเล่นด้วย ซึ่งนัดนั้นเป็นนั้นที่ไม่ดีเอาซะเลยสำหรับลิเวอร์พูลและก็พ่ายแพ้ไป 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น นักเตะวัย 19 ปีก็มักจะถูงส่งลงมาเพื่อเล่นเกมโต้กลับเร็ว และก็มาระเบิดฟอร์มในตอนที่ได้มาเล่นกับซัวเรสและสเตอริดจ์ จาก 2 ประตูในนัดที่แล้วทำให้ฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้ว 9 ประตู แถมมีการเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ 78 ครั้ง และสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 43 ครั้ง และตอนนี้สเตอริ่งได้เข้ามาอยู่ในตัวเลือกแรกที่มีโอกาสที่จะลงฟาดแข้งกับเชลซีแล้ว



นักเตะทีมชาติบราซิล ผู้เคยมาเจรจากับลิเวอร์พูลก่อนที่จะจรดปากกากับเชลซี ตอนนี้ได้สอบแทรกขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมเชลซีได้แล้ว หลังจากที่พบความยากลำบากบ้างกับชีวิตในลอนดอน แม้จะมีความสามารถที่รอบด้าน แต่มูรินโย่ก็ยังต้องการอะไรมากกว่านั้นจากนักเตะของเขา สิ่งหนึ่งคือเกมรับ แต่วิลเลี่ยนสามารถกดดันกองหลังของฝั่งตรงข้ามได้ดี โดยที่สร้างโอกาสให้เพื่อนไปแล้ว 58 ครั้ง กับ 2 แอสซิสและ 3 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งการทำงานหนักของเขาทำให้เป็นที่ชื่นชอบมากของมูรินโย่ และก็หวังว่าจะได้ลงเล่นในเกมที่แอนฟิล

ซัวเรส vs ตอเรส

หลังจากที่มีดราม่าการย้ายตัวเมื่อตอนก่อนเริ่มฤดูกาล ทำให้มีคำถามตามมาในเรื่องของความกระตือรือร้น ความสามารถว่าจะทำได้ดีกับลิเวอร์พูลอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งผลงานในสนามก็ได้ตอบทุกอย่างแล้วสำหรับตัวนักเตะชาวอุรุกวัยรายนี้ ที่ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีคงไม่หนีหายไปไหน ซัวเรสอันตรายได้เท่าๆ กับสุดยอดกองหน้าทุกคนที่เคยมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับ 30 ประตูในฤดูกาลนี้ที่มีนักเตะเพียง 6 คนเท่านั้นที่ทำได้ แถมมีคู่กองหน้าอย่างสเตอริดจ์ที่ทำไปแล้ว 20 ประตู เป็นเพียงสองคนเท่านั้นในฤดูกาลนี้ที่ยิงได้เกิน 20 ลูก 

นอกจากนั้นซัวเรสยังนำอันดับแอสซิสที่ 12 ครั้งอีกด้วย มันแสดงหให้เห็นว่า เขาทำได้ทั้งการสร้างสรรค์และการจบสกอร์ เป็นกองหน้าที่อันตรายต่อฝั่งตรงข้ามอย่างมาก ซัวเรสได้ตอบแทนแฟนๆ ที่พร้อมจะหนุนหลังเขาด้วยการเล่นอันสุดยอดอย่างมาก กองหลังเชลซีนัดนี้ต้องเล่นได้อย่างสุดยอดเท่านั้น ถึงจะสามารถหยุดกองหน้ารายนี้อยู่



ตอเรสในตอนนี้ถือว่าเป็นกองหน้าตัวสำรองในสีเสื้อเชลซี อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลที่เคยเล่นได้อย่างสุดยอดในสีเสื้อลิเวอร์พูล แต่ที่นี่กลับไม่ใช่ ซึ่งปีนี้เขายิงไปเพียง 4 ประตูจากโอกาสยิง 33 ครั้ง ซึ่งเปอเซ็นต์การทำประตูต่ำเตี้ยมากอยู่ที่ 12% เท่านั้น แต่จะโทษตอเรสอย่างเดียวก็จะดูโหดร้ายไปหน่อย เพราะหลายครั้งในฤดูกาลนี้ตอเรสได้จับให้ไปเล่นในพื้นที่ที่ไม่ถนัด ทำให้ความมั่นใจเป็นปัญหาใหญ่ของตอเรสในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ตอเรสมักจะโผล่มายิงประตูสำคัญให้กับเชลซีได้อยู่เสมอ อย่างเช่นในเกมยุโรป และหวังว่านัดนี้เขาจะมาทำประตูสำคัญได้อีกครั้ง เพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์ลีกในปีนี้

บทสรุป

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนัดนี้ ตำแหน่งแชมป์ก็ยังไม่ถูกตัดสินจนกว่าจะผ่านอีกสองเกมที่เหลือหลังจากนี้ไปได้ แต่มันมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเพิ่มโอกาสการคว้าแชมป์ของตัวเอง ซึ่งถ้าจะมีใครมาหยุดความร้อนแรงของทีมหงส์แดงในตอนนี้ได้ เห็นว่าก็น่าจะมีแต่มูรินโย่เท่านั้น ซึ่งถ้าเขาสามารถคว้าผลการแข่งขันที่ดีออกมาได้จากแอนฟิล นัดนั้นต้องถือเป็นอีกนัดที่น่าจดจำเลยทีเดียว

ที่มา : http://eplindex.com/
แปล/เรียบเรียง : Tiger Sky (ผมเอง)

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

รีวิวบรรยากาศภายใน CP Mobile Cuisine

“เกี๊ยว Morning” ครับทุกคน วันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปลองชิมเกี๊ยว ที่ CP Mobile Cuisine มา ตอนแรกก็ตั้งใจไปทานเกี๊ยวจริงๆ แต่พอเจอคุณหลุยส์ สก๊อตเท่านั้นแหละ ก็อยากทานมากกว่าเดิม 




จากที่จะชิมเกี๊ยวฟรีชามเดียว เลยสั่งมาครบทุกเมนูเลย ต้องบอกเลยว่าอาหารอร่อยทุกอย่าง 

เรื่องบรรยากาศของซุ้ม CP Mobile Cuisine สิ่งแรกที่เราเห็นคือรถขนวัตถุดิบและเชฟที่จะมาปรุงอาหารสดใหม่ หน้าตาหน้าทานทุกเมนูเลย 




และเมื่อเข้าไปนั่งสิ่งแรกที่เราจะได้ทั้งที่ยังไม่ได้สั่ง คือน้ำชา กลิ่นหอมละมุน ชุดเสิร์ฟสวยหรู ชาม แก้ว ชุดเครื่องปรุง เป็นเซลามิคสีดำ ดูดีมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งทานเกี๊ยวในร้านอาหารที่ฝรั่งเศสเลยครับ



พนักงานเสิร์ฟก็อัธยาศัยดี บรรยากาศร่มรื่นมากๆ นอกจากได้ทานเกี๊ยวฟรีแล้วในงานยังมีกิจกรรมให้ถ่ายรูปแล้วอัปโหลดลงอินสตาแกรมอีกด้วย แค่ใส่ #cpwonton #wontonmorning อัปโหลดเสร็จก็รับกระเป๋าผ้าสวยๆไปเลย ซึ่งสามารถขอพร๊อพจากพนักงานเสิร์ฟ หรือให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้ก็ได้



ถ้าใครอยากลองชิมเกี๊ยวมอร์นิ่ง สามารถติดตามรายละเอียดของ CP Mobile Cuisine ได้ที่ https://www.facebook.com/brandcp

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

คิดถึงวิทยา หนังดีที่ครูคู่ควร

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นครูคนหนึ่ง อาจจะไม่ประจำแต่ก็เป็นครูสอนพิเศษคณิตศาสตร์หากินไปวันๆ และก่อนที่จะไปดู มีหลายคนมากๆ บอกว่าไม่อิน ไม่เห็นสนุกเลย แต่คิดว่า คนที่เป็นครูไปดูน่าจะอินนะ

ผมก็คิดว่า เห้ย...รู้ได้ไงว่ะว่าครูจะอิน ซึ่งแต่ละคนไม่มีใครเป็นครูเลยที่มาบอกว่าคนเป็นครูไปดูแล้วจะอินเนี่ย



และก่อนไปดู ผมจะถามทุกคนที่ดูแล้วว่าเปรียบเทียบกับ Timeline และ Until now แล้วเป็นไงบ้าง

และหลายคนที่ได้ดูหนังทั้งสองเรื่องก็บอกว่า ทั้งสองเรื่องข้างบนซึ้งกว่า จนผมก็เริ่มมาคิดจริงจังแล้วว่า สงสัยหนังจะไม่น่าดูจริงๆ

แต่ด้วยรายได้ตอนเปิดตัว มันสูงมากทีเดียว ก็คิดอีกว่า เอ...ลำพังแค่พี่บี้ จะทำให้หนังขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าหนังมันไม่ดีจริง จนกระทั่งผมพอจะมีเวลาออกไปดูหนังวันนี้เนี่ยแหละ หลังจากที่ไม่ได้ดูมานานมาก (ประมาณ 2 อาทิตย์)

หลังจากดูแล้วผมบอกเลยว่า อินว่ะครับ พอดูแรกๆ ผมไม่ได้อินในฐานะที่เป็นครูนะ แต่อินในตอนที่เป็นนักเรียนมากกว่า โดยเฉพาะตอนเรียนมหาวิทยาลัยเนี่ย มีอยู่ฉากหนึ่งผมอินมาก ฉากที่ครูแอนบอกนักเรียน ป.6 คนหนึ่งว่า

"ไม่ว่าแกจะทำอะไร ก็อย่าทิ้งการเรียนนะ"



น้ำตาแทบซึม คำที่อาจารย์ชนิศวรา ขึ้นมาในหัวผมเลย เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมตอนเรียนมหาวิทยาลัย พูดคำเดียวกันนี้เลย น้ำตาแทบซึมเลยผม

แถมดูๆ ไปทั้งครูแอน ครูสอง ก็ทำให้เห็นครูอาชีพจริงๆ ถ่ายทอดความเป็นครูออกมาได้ดีมาก เป็นครูต้นแบบที่ผมคิดว่าครูทุกคนควรจะเอาเป็นแบบอย่าง ทุกวันนี้หลายคนอาจจะลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญสำหรับครูไป ผมว่าถ้าครูได้ไปดูเรื่องนี้ มันจะเป็นการตอกย้ำความเป็นครู จะได้ไม่ลืมตัวไปกับยุคสมัย

และพอดูไป ผมก็ตอบคำถามตัวเองได้ข้อหนึ่งว่า ถ้าไปเทียบกับหนัง Timeline และ Until now แล้ว แบบไหนดีกว่ากัน

ซึ่งผมว่ามันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักมาน้อย ถึงแม้จะอินแต่ไม่ได้อินจนร้องไห้ แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นครูมากกว่า ผมว่าเป็นหนังที่ควรดูเลยล่ะ (มาบอกช้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้)

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

99 วัน 99 บทความ Day 49 ตอน ทดลองแป้นพิมพ์ note8

ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะครับ ที่ผมยังไม่ยอมเขียนภาคต่อของเรื่องบาสซักที หาเรื่องเขียนไปเรื่อย แถมไม่เขียนทุกวันด้วยนะ เบี้ยวอย่างบ่อย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น

และวันนี้ผมก็ได้ซื้อคีย์บอร์ดใหม่สำหรับ note 8.0 มาเพื่อใช้ทำงานเขียน เลยกะว่าจะเอามาบ่นซะหน่อย หลังจากที่ได้ใช้มาหลายวันแล้วเหมือนกัน

คีย์บอร์ดนี้ผมบังเอิญอยากได้ และก็บังเอิญไปเจอที่ร้านค้าแห่งหนึ่งแถวพระรามสอง ราคา 500 บาทพร้อมเคสอันใหญ่เทอะทะ มันใหญ่จริงๆ ครับ พอใส่เป้อย่างตุง แบบมันจะหนาไปไหน ยิ่งวันที่ไปเตะบอลนะ ทั้งรองเท้าก็ใหญ่แล้ว ชุดบอลอีก หนังสือเรียน และแถมมีเจ้านี้ให้มาเกะกะกระเป๋าอีก มันเริ่มยากและจริงๆ

แต่เรื่องนี้จะไม่บ่นมากเพราะผมยอมรับสภาพตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นอยู่แล้วว่าจะเจออย่างนี้

วันที่ผมไปลองปรากฎว่า คีย์บอร์ดเปลี่ยนภาษาไม่ได้ ผมก็เลยต้องโหลดแอปบางตัว ก็ยังเปลี่ยนไม่ได้ นเขาเข้าไปหลังร้าน จึงเปลี่ยนได้ทันที ผมก็ลองพิมพ์ทดสอบความลื่น ก็อ่ะ โอเค ใช้ได้ ตรงสเป็ก แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น

ปัญหาใหญ่เลยคือ แป้นไทยมันยาวไป ดังนั้นตัว "บ" "ล" "ง" จึงกระโดดมาอยู่ล่างสุดของแป้นพิมพ์
คือปกติตัวเหล่านี้จะอยู่ยาวไปทางขวา แต่ด้วยความสั้น มันจึงวางไม่พอ เอามาวางไว้เล็กๆ ข้างล่างซะงั้น ลำบากเลยผม เจอปัญหานี้อยากจะไปเขวี้ยงทิ้ง และนี่คงเป็นงานเขียนแรกและงานเขียนสุดท้ายที่ใช้แป้นพิมพ์นี้ ไม่ไหวครับ คือซื้อเพื่อที่อยากจะทำงานคล่องขึ้น แต่มันทำให้คล่องน้อยลง อย่างนี้ไม่ไหวครับ ผมไม่เอา

คราวหลัง ถ้าจะซื้อคีย์บอร์ดแปลกๆ นอกจากความลื่นแล้ว ให้ลองดูด้วยว่า แป้นมันเหมือนที่ถนัดหรือเปล่า

เรื่องตลกอีกอย่างคือ การเปลี่ยนภาษา พอออกจากร้านมาผมพบว่า แอปอะไรที่โหลดมา ไม่เห็นจำเป็นเลย อยากเปลี่ยนภาษา ก็กดหน้าจอเอา ไม่เห็นยาก 5555555

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

99 วัน 99 บทความ Day 48 ตอน กลับมาทำไม

วันนี้ทดลองมาเขียนบล็อกตอนกลางวัน ไม่รู้จะเขียนไปได้ถึงไหน
ปกติเวลาเขียนบล็อก จะต้องออกไปเจออะไรก่อน แล้วค่อยกลับมามีเรื่องจะเขียน แต่ตอนนี้มันกลับบ้านมารู้สึกเรอ่มเหนื่อย กลับมากว่าจะถึงบ้านก็ดึกๆ ดื่นๆ แถมมีงานที่ทำไม่เสร็จอีก ก็เลยไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ที่จะขีดๆ เขียนๆ อะไรจริงๆ (ตอนเขียนอยู่นี้งานก็ยังไม่เสร็จนะ)

คือตอนที่มีอารมณ์อยากเขียนคือ ตอนที่ว่างๆ ว่างจริงๆ ไม่รู้จะทำอะไร สมองมันแล่นมากๆ แต่พอมีช่วงที่งานยุ่งๆ บางทีพอทำงานเสร็จก็ไม่อยากจะทำอะไร อยากออกไปสังสรรค์มากกว่า ไปเจอเพื่อน ไปเตะบอล ไปทำอะไรต่อมิอะไร พอกลับมาบ้านก็เหนื่อย ขี้เกียจทำอะไร

และช่วงนี้ก็เกิดอารมณ์อยากเที่ยว อยากเที่ยวมากๆ ยิ่งทำงานเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากเที่ยวมากเท่านั้น คือปกติเที่ยวเยอะนะ แต่พอได้เที่ยวแล้วมันเสพย์ติด ติดเที่ยว เที่ยวคนเดียวก็ได้นะบางที ไม่ได้ซีเรียส แต่ไม่อยากอยู่กับที่ ไม่อยากทำงานหน้าคอม อยากออกจากหน้าคอม

ไม่รู้เพราะว่าช่วงหลังมี note8 หรือเปล่าไม่รู้ มันทำให้การทำงานหน้าคอมมันเป็นอะไรที่ยากมาก และยิ่งตอนนี้ดันไปหาคีย์บอร์ดที่สามารถต่อจาก note8 ได้แล้วตอนนี้เลยพิมพ์งานก็จาก note8 อย่างเดียว เล่นเกมก็ note8 ทำนู่นทำนี่ก็ note8 เดี๋ยวนี้ถ้าเกมไหนที่เล่นในแอนดรอยไม่ได้ก็จะไม่เล่น

อาจจะเพราะคอมมันไม่ค่อยดีแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าเป็นแค่ข้ออ้าง อาจจะลองไปทำอะไรให้คอมดีขึ้น กำจัดข้ออ้างทุกอย่างออกไปให้หมด แล้วมาดูซิว่าจะยังขี้เกียจอยู่มั้ย

เอาว่ะ ลองดู อยากรู้เหมือนกันว่าความขี้เกียจมันจะไปได้ถึงไหน