วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จะเป็นอย่างไร เมื่อแชมป์ฟุตบอลโลกใช้หลักคิดแบบเดียวกับสมาคมมวยโลก

ใกล้เข้ามาแล้วกับมหกรรมฟุตบอลโลก 2014 ที่จะเริ่มขึ้นที่บราซิล ซึ่งนั่นเป็นฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการที่ 4 ปีจะมีซักหนึ่งครั้ง แต่วันนี้ผมขอแหวกกระแสบ้างว่า ถ้าเราไม่หาแชมป์โลกทุก 4 ปี แต่เราหาแชมป์โลกได้ทุกปี ได้ทุกเดือน หรือถ้าจะขยันก็เปลี่ยนมือไปทุกวันก็ได้เอา

บทความนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เราจะมาหาแชมป์ฟุตบอลโลกโดยใช้หลักคิดเดียวกับสมาคมมวยโลก หลักการง่ายๆ ก็คือ ใครเป็นแชมป์ ก็ต้องหาคนมาชิงแชมป์ ถ้าสามารถชนะแชมป์ได้คุณก็เป็นแชมป์แทน อะไรแบบนั้น

ให้นึกภาพเขาทราย แกแล็กซี่ครับ ที่ป้องกันแชมป์นับสิบครั้ง ซึ่งก่อนที่เขาทรายจะมาเป็นแชมป์ เขาก็ต้องล้มแชมป์เก่าก่อน ซึ่งเราจะนำหลักการนี้มาใช้กับฟุตบอล อยากรู้หรือเปล่าครับว่าจะเป็นยังไง แล้วใครจะเป็นแชมป์... มาชมกันเลยครับ

ถ้วยซ้ายเป็นถ้วย UFWC (จริงจังโคตรๆ) ถ้วยขวาเป็นถ้วยฟุตบอลโลกจริง

จุดเริ่มต้น
เกิดจากแฟนบอลชาวสก็อตแลนด์คนหนึ่ง ที่วันหนึ่งทีมชาติสก็อตแลนด์สามารถชนะทีมชาติอังกฤษได้เป็นทีมแรกหลังจากที่อังกฤษคว้าแชมป์โลกได้ในปี 1966 เขาจึงโมเมว่า นี่ไง เราชนะแชมป์ ดังนั้นเราก็ต้องเป็นแชมป์ต่อไป ใครอยากได้แชมป์ต้องมาล้มเรานะ (คำพูดมีการเสริมเติมแต่งโดยผู้เขียนเอง แต่จุดเริ่มต้นนั้นเรื่องจริง)

และเรื่องนี้ก็ไปถึงหู Paul Brown ที่เป็นนักเขียนอิสระ ซึ่งไปเขียนลงนิตยสาร FourFourTwo ในปี 2011 ซึ่งเขาก็ต้องไปค้นคว้ามาตั้งแต่ว่าฟุตบอลนัดแรกอย่างเป็นทางการนั้นเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แล้วหลังจากนี้จะเป็นเส้นทางแชมป์โลกของ UFWC (Unofficial Football World Cup)

กฎกติกาของ UFWC
ถึงจะเป็นสถาบันเล่นๆ แต่ก็ต้องมีกฎกันหน่อย

.....1. ผู้ที่เป็นแชมป์ทีมแรกได้แก่ทีมชาติอังกฤษ ในนัดที่สองอย่างเป็นทางการ(นัดแรกเสมอกัน) ที่อังกฤษเอาชนะสก็อตแลนด์ไป 4-2

.....2. ทีมที่จะเป็นแชมป์โลก UFWC จะต้องเป็นทีมที่ล้มแชมป์โลกทีมเก่าได้เท่านั้น
..........2.1 ถ้าผลจบลงด้วยการเสมอ แชมป์โลกจะยังเป็นทีมเดิม

.....3. UFWC จะคิดผลในช่วงต่อเวลาหรือดวลจุดโทษด้วย ในกรณีที่เป็นบอลทัวนาเม้นที่ต้องมีการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษตัดสินเพื่อหาคนเข้ารอบ
.........3.1 เราจะไม่นับการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษในกรณีที่ต้องมีการเตะบอลเหย้า-เยือน เพื่อหาคนเข้ารอบ เพราะการต่อเวลาหรือดวลจุดโทษในฟุตบอลแบบนี้มันจะเกี่ยวเนื่องกับกฎประตูทีมเยือนด้วย ดังนั้นเราจะคิดผลแค่ใน 90 นาที

เส้นทางแชมป์เปี้ยน




ในตอนเริ่มแรก ฟุตบอลยังเตะกันอยู่ในเกาะอังกฤษ ดังนั้นในช่วงแรก ทีมที่วนเวียนเป็นแชมป์ก็จะมีอยู่แค่ทีมชาติอังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลและไอร์แลนด์

โดยทีมแรกที่เป็นแชมป์เกิดขึ้นในนัดที่สองอย่างเป็นทางการระหว่างอังกฤษกับสก็อตแลนด์ ซึ่งนัดแรกเสมอกัน 0-0 และนัดฉลองแชมป์แรกเกิดขึ้นที่สนามเคนนิงตันทาวน์ โอวัล ในวันที่ 8 มีนาคม 1873

และถึงแม้จะมีฟุตบอลโลกในปี 1930, 1934 และ 1938 แต่ที่เป็นแชมป์ขณะนั้นไม่ได้เข้าร่วม ทำให้แชมป์ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนไกล จนกระทั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

ปี 1931 แชมป์ออกไปนอกเกาะอังกฤษครั้งแรก
ทีมชาติออสเตรีย เป็นทีมแรกที่นำแชมป์ออกไปจากเกาะอังกฤษได้สำเร็จ แต่ก็เป็นแชมป์ได้เพียงสี่เดือนก็กลับมาอยู่บนเกาะอังกฤษอีกครั้ง แต่หลังยุค 1940s แชมป์ก็ได้วนเวียนไปทั่วยุโรปมากขึ้น จนกระทั้งก่อนเริ่มฟุตบอลโลกปี 1950 แชมป์ก็กลับมาอยู่ที่ทีมชาติอังกฤษ เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ทีมแชมป์โลก UFWC ได้เข้าร่วมมหกรรมลูกหนังระดับโลก

หลังจากที่ทีมแชมป์ UFWC เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก แชมป์ก็มีการกระจายทวีปมากขึ้นไปทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และก็ยุโรป วนเวียนอยู่ในสามทวีปนี้

2004 แชมป์แรกของทวีปแอฟริกา
เป็นการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างไอร์แลนด์กับไนจีเรีย ซึ่งนัดนั้นไนจีเรียสามารถคว้าชัยเหนือไอร์แลนด์ไปได้ จึงเป็นทีมแรกที่นำแชมป์มาสู่ทวีปแอฟริกา ซึ่งตลอดปี 2004-2005 แชมป์ก็เปลี่ยนมือแต่ยังวนเวียนอยู่ในทวีปนี้ตลอด จนกระทั่งไนจีเรียมาพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อโรมาเนีย ซึ่งไม่นานโรมาเนียก็มาพ่ายต่ออุรุกวัย

2010 แชมป์วนเวียนมาทวีปเอเชีย




จริงๆ ก่อนหน้านั้นแชมป์เคยมาทวีปเอเชียแล้วครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องเสียแชมป์ไป แต่ในปี 2010 ถึงปี 2013 เรียกว่าทีมจากเอเชียร์ครองความยิ่งใหญ่ในถ้วย UFWC แต่เพียงทวีปเดียว(เว้อซะ 555 )

หลังจากที่อาเจนตินาคว้าชัยเหนือสเปนไปได้ 4-1 หลังจากนั้นแชมป์ก็ไม่เข้าไปยุโรปพักใหญ่ๆ และหลังจากนั้นอีกไม่นานเมื่อเดือนตุลาคมปี 2010 การป้องกันแชมป์ครั้งแรกของอาเจนติน่าก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อมาพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นแบบพลิกความคาดหมายไป 1-0 ญี่ปุ่นจึงเป็นทีมแรกทีมคว้าแชมป์โลกของ UFWC มาได้สำเร็จ และเป็นทีมแรกของเอเชียอีกด้วย

แถมยังนำตำแหน่งแชมป์โลกเข้าไปชิงชัยในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียอีกต่างหาก แล้วก็ไม่มีใครสามารถล้มญี่ปุ่นได้จนสามารถคว้าแชมป์เอเชียได้เป็นผลสำเร็จ เป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมที่มีตำแหน่งแชมป์ UFWC ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้น แล้วยังจบทัวร์นาเม้นด้วยตำแหน่งแชมป์อยู่

2013 ทีมชาติไทยเฉียดแชมป์โลกมากที่สุด




หลังจากที่ญี่ปุ่นต้องมาเสียแชมป์ให้กับเกาหลีเหนือในปลายปี 2011 และตลอดปี 2012 เกาหลีเหนือก็ครองแชมป์ยาวมาตลอดทั้งปี ไม่สามารถมีใครสามารถโค่นแชมป์เปี้ยนทีมนี้ลงได้เลย (ก็เล่นไม่แข่งกับทีมนอกทวีปเลยนี่นา) จนกระทั่งฟุตบอลคิงส์คัพ 2013 ที่จัดขึ้นในเดือนมกราคมที่ประเทศไทย ทีมชาติเกาหลีเหนือก็เป็นหนึ่งในสี่ทีมที่เข้าร่วมทัวนาเม้น ซึ่งประกอบด้วย สวีเดน, ฟินแลนด์และทีมชาติไทย

และเพียงแค่นัดเปิดสนาม เกาหลีเหนือก็ต้องพ่ายจุดโทษให้แก่สวีเดน ทำให้ทีมจากเอเชียเสียแชมป์ที่ครองมายาวนานกว่า 1 ปี 3 เดือน ซึ่งถือว่าทีมชาติไทยเข้าใกล้แชมป์มากที่สุด ถ้าหากเพียงแต่ทีมชาติไทยคว้าแชมป์คิงส์คัพครั้งนี้ได้ แต่ไทยก็พ่ายต่อฟินแลนด์ไป 3-1 ตั้งแต่ในรอบแรก ทำให้ผมสิทธิ์ลุ้นแชมป์ UFWC แต่ก็ถือว่าเป็นการเข้าใกล้แชมป์มากที่สุด (ก็เล่นเชิญทีมแชมป์มาแข่งเองนี่เนอะ)

อุรุกวัย เป็นแชมป์ก่อนเริ่มฟุตบอลโลก
อุรุกวัยนำทีมโดยหม่อมกัด หลุย ซัวเรส เป็นทีมที่เป็นแชมป์อยู่ในขณะนี้ โดยการคว่ำอาเจนติน่าในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2013 และก็รักษาแชมป์มาจนกระทั่งถึงตอนนี้ โดยนัดล่าสุดที่ชนะสโลวีเนียในเกมอุ่นเครื่อง ก็เป็นแชมป์สมัยที่ 6 แล้วของอุรุกวัย

ต้องมาลุ้นกันว่าตอนจบทัวร์นาเม้น อุรุกวัยจะเป็นทีมที่ยังรักษาตำแหน่งแชมป์ได้ต่อไปหรือไม่ (มันอาจหมายถึงว่า อุรุกวัยต้องเป็นแชมป์โลกโดยที่ไม่แพ้ใคร หรือไม่ก็ตกรอบไปโดยที่เสมอทั้ง 3 นัด) ซึ่งเส้นทางถือว่าไม่ง่ายเลยที่ต้องมาอยู่ร่วมกลุ่มกับทั้งอังกฤษ อิตาลีและคอสตาริก้า

ต้องมาลุ้นกันครับว่า สุดท้ายแล้วตอนจบทัวร์นาเม้นฟุตบอลโลก แชมป์ UFWC ยังจะเป็นอุรุกวัยหรือไม่ หรือว่าแชมป์จะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเกาะอังกฤษ ต้องมาตามลุ้นดูกันนะครับ



_____________________________________________________
ข้อมูลทั้งหมดรวมรวมมาจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Unofficial_Football_World_Championships
http://www.fifa.com/

แถมเว็บทางการของบอกถ้วย UFWC
http://www.ufwc.co.uk/







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น