วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

liverpool vs chelsea The Key Battles เปรียบเทียบช็อตต่อช็อต

นับตั้งแต่การประกบคู่ออกมา มันเป็นการพบกันของทีม Top4 และเป็นอีกนัดที่ไม่ควรพลาด หงส์เจอหอย, เฮียรอดเจอเฮียมู, อดีตเพื่อนร่วมงาน แต่ตอนนี้มาเป็นคู่ต่อสู้ ตอนนี้ทั้งสองทีมเป็นคู่ต่อสู้โดยตรงในการไล่ล่าแชมป์ และผลการแข่งขันในนัดนี้ถือว่าเป็นนัดตัดสินแชมป์เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ หงส์ได้จัดการล่มเรือใบมาได้แล้ว ทำให้ตอนนี้เชลซีเลยกลายเป็นรองจ่าฝูงอยู่ และถ้าเหตุการณ์ปกติ มันต้องเป็นอีกนัดหนึ่งที่สนุกมากแน่ๆ


จ่าฝูงที่ถือว่าได้จับหูถ้วยไว้ข้างหนึ่งแล้วหลังจากที่ชนะมา 11 เกมรวดอย่างมหัศจรรย์ และหงส์แดงเคยถูกเชลซีดับฝันไม่ให้ขึ้นจ่าฝูงมาแล้วในนัดที่พบกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นหงส์แดงก็ทำสถิติไม่แพ้ใครอีกเลย ชนะไป 14 เสมออีก 2 ใน 16 นัดหลังสุด หลังจากที่เฉือนชนะนอริช 3-2 มาในสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้หงส์แดงต้องการอีก 7 แต้มจาก 3 เกมเพื่อการันตีแชมป์ที่รอคอยมากว่า 23 ปี

เชลซีได้ทิ้งโอกาสตัวเองในการคว้าแชมป์หลังจากที่พลาดท่าเสียทีต่อซันเดอแลนด์ 1-2 ในบ้านตัวเองในนัดที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการแพ้ในบ้านครั้งแรกของมูรินโญ่ในการคุมทีมเชลซี ซึ่งถือเป็นการพ่ายแพ้ที่มาผิดเวลามากๆ ซึ่งทำให้ตอนนี้เชลซีตามหลังถึง 5 แต้มเข้าให้แล้ว และนำแมนซิตี้อยู่เพียงแต้มเดียวซึ่งแข่งน้อยกว่าทั้งสองทีมอยู่หนึ่งนัด ซึ่งชัยชนะนัดนี้จะทำให้เชลซีกลับมามีความหวังได้อีกครั้ง แต่มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า เมื่อเชลซีตอนนี้มีนักเตะบาดเจ็บเต็มไปหมด

รอดเจอร์ vs มูรินโย่

รอดเจอร์และมูรินโย่ต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันอย่างดี แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ อีกด้วยในตอนที่มูรินโย่มาคุมทีมเชลซีในครั้งแรก หลังจากนั้นรอดเจอร์ก็ออกไปคุมทีมวัตฟอร์ด, เรดดิ้ง, สวอนซีและล่าสุดก็ที่มูรินโย่กลับมาคุมทีมเชลซีอีกครั้ง รอดเจอร์ก็ได้มีโอกาสคุมทีมลิเวอร์พูล 

ในตอนแรกลิเวอร์พูลถูกคาดหวังว่าจะเป็นเพียงทีมที่ลุ้นตำแหน่งอันดับ 4 ในตารางเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ทีมของรอดเจอร์ก็การันตีอันดับ 3 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของกุนซือหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ และในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังแท็กติกส่วนใหญ่ของรอดเจอร์จะสลับไปมาระหว่าง 4-3-3 กับ 4-1-2-1-2 ซึ่งถือว่าเป็นแท็กติกที่ปิดจุดอ่อนของลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าเป็นแท็กติกที่เยี่ยมมาก จนน่าปรบมือให้เลย

เรารู้อยู่แล้วถึงความยอดเยี่ยมของมูรินโย่ ผลงานของเขาก็ตอบทุกอย่าง โดยสร้างความสำเร็จได้ในทุกๆสโมสรที่มูรินโย่ไปเยือน เชลซีอยู่ในเส้นทางชิงชัยตำแหน่งจ่าฝูง แถมตอนนี้ก็ผ่านเข้ารอบรองชนะเลยฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกไปแล้ว 

ซึ่งการที่มีเกมยุโรปอาจจะต้องทำให้มูรินโย่ตัดสินใจที่จะพักผู้เล่นสำคัญบางตำแหน่ง แต่มูรินโย่ก็คือมูรินโย่ เขาคงไม่ยื่นตำแหน่งแชมป์ให้กับลิเวอร์พูลง่ายๆ แน่ และมูรินโย่ก็ต้องมีแผนรับมือเพื่อชัยชนะไว้เช่นกัน ซึ่งเชลซีมีสถิติที่ดีมากในการพบกับทีมใหญ่ๆ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งการไปเยือนแอนฟิลครั้งนี้ไม่มีกลัวแน่นอน

Attack vs Defend : เปรียบเทียบสถิติของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูลมีฟอร์มถล่มประตูที่ร้อนแรงมาก ซึ่งฤดูกาลนี้ทำไปแล้วถึง 96 ประตู ถือเป็นสถิติสโมสรเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้กำลังท้าทายสถิติ 103 ประตูของเชลซีที่เคยทำไว้ ซึ่งมีโอกาสอีก 3 เกม สถิติการยิงประตูได้ในทุกๆ 35 นาที ลิเวอร์พูลทำประตูได้ 20% จากโอกาสทำประตู 477 ครั้ง ซัวเรสกับสเตอริดจ์เป็นผู้นำดาวซัลโว โดยทำไปคนละ 30 และ 20 ประตูตามลำดับ นอกจากนั้นยังมีสเตอริ่ง, เจอราร์ดและสเคอเทลที่ทำประตูรวมกันเฉียดๆ 30 ประตูเข้าให้แล้ว


ถ้าฤดูกาลนี้หงส์แดงสามารถคว้าแชมป์ได้ ก็จะมีโอกาสเป็นทีมแชมเปี้ยนที่เสียประตูมากที่สุดที่เคยมีมา แมนยูเคยทำไว้ที่ 45 ประตู ซึ่งลิเวอร์พูลตามอยู่เพียง 1 ประตูเท่านั้น ในขณะที่มีเกมรุกที่สุดยอด แต่เกมรับนั้นก็สุดแย่ ซึ่งแต่ละเกมที่ลิเวอร์พูลลงแข่งมักจะมีประตูเกิดขึ้นอย่างถล่มทลาย โดยปีนี้หงส์แดงเก็บคลีนชีสได้เพียง 10 เกมเท่านั้น โดยเสียประตูเฉลี่ย 1.26 ลูกต่อเกม ด้วยข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากมาย นี่ถือว่าเป็นตัวแปรที่น่ากลับเลยทีเดียวสำหรับเกมนี้

ในทางตรงกันข้าม เชลซีเป็นทีมที่มีเกมรับยอดเยี่ยมมากๆ โดยมีเทอรี่และเคฮิล เป็นสองเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดในลีกในขณะนี้ ด้วยคลีนชีสถึง 16 นัดและเสียงไปเพียง 26 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.74 ลูกต่อเกม อิวาโนวิชยืนประจำการฝั่งขวา โดยมีแบ็คซ้ายที่น่าประหลาดใจที่ชื่อนั้นเป็นซีซ่า แอสปิลิกูเอต้า ที่แย่งตำแหน่งของแอชลี่ โคลมาได้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งกลายเป็นแบ็คซ้ายตัวเลือกแรกของมูรินโย่ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว และการมีมาติซทำให้กองหลังเชลซีอุ่นใจขึ้นมาก แถมมีเว็ค ที่เป็นปราการด่านสุดท้ายที่อุ่นใจของเชลซี


สาเหตุที่จะทำให้มูรินโย่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ก็น่าจะเป็นจากเกมรุกที่ไม่สามารถทำประตูได้มากเท่าไหร่นัก และเมื่อดูจากสถิติ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วเมื่อทำได้เพียง 67 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งน้อยกว่าลิเวอร์พูลเกือบ 30 ลูก เชลซีชนะในแต่ละเกมมาได้ด้วยประตูอันน้อยนิด ซึ่งกองหน้าอย่างตอเรส, เอโต้และบาทำประตูรวมกันได้เพียง 17 ประตู ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับทีมใหญ่อย่างเชลซี และเป็นอาซาร์ที่ทำประตูได้มากสุดที่ 14 ประตู แถมยังมีออกก้าและชูเร่ ที่แต่ละคนทำประตูได้หน่อมแน้มมาก

Key Battle

ซาโก้ vs เคฮิล

มามาดู ซาโก้ กองหลังลิเวอร์พูลที่หายไปนานจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งฤดูกาลนี้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงไปเพียง 15 นัดเท่านั้น เขาเป็นกองหลังที่ดุดันโดยธรรมชาติ และเล่นได้ดีเมื่อเจอกองหลังที่ตัวใหญ่ๆ แต่เขาก็มักจะมีปัญหาเมื่อเจอฝั่งตรงข้ามกดดันหนักๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซาโก้ก็กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้อีกครั้งในสามเกมล่าสุด ดาวเตะฝรั่งเศษมีการเข้าปะทะที่สูงมากที่ 91.67% จากการปะทะทั้งหมด 24 ครั้ง ซาโก้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ลงเล่นในนัดที่แพ้เชลซี 2-1 ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ


เคฮิลเป็นหนึ่งในกองหลังตัวหลักของเชลซี ซึ่งเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากที่ย้ายออกมาจากโบลตันสู่รังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นกองหลังที่ไม่มีสถิติความผิดพลาดส่วนตัว เป็นกองหลังที่ไม่มีความเร็ว แต่ดุดันมากเวลาอยู่ในแดนตัวเอง และมีการทำงานที่หนัก เคฮิลลงเล่นไป 28 เกท โดยเก็บคลีนชีสได้ถึง 15 เกมเลยทีเดียว มีสถิติอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งมากเมื่อมีเคฮิลลงสนาม ทำให้ทั้งทีมมีสถิติชนะการแย่งลูกบนพื้น 68% และชนะลูกกลางอากาศ 70% แต่ตอนนี้แผงหลังที่ดีที่สุดในอังกฤษต้องมีปัญหาซะแล้ว เมื่อต้องลงเล่นในวันอาทิตย์ที่ไม่มีคู่หูอย่างจอห์น เทอรี่ ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาไม่นาน

สเตอริ่ง vs วิลเลี่ยน

หลังจากชัยชนะต่อนอริชเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รอดเจอร์ได้ให้ความเห็นต่อสเตอริ่งว่าเป็นดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในยุโรปขณะนี้ ด้วยความยอดเยี่ยมจากการทำได้ถึง 2 ประตูจากนัดล่าสุด ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเจ้าตัวเลยทีเดียว ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในทีม 11 คนแรกของรอดเจอร์ เมื่อตอนที่ซัวเรสโดนแบน ฮัลเป็นทีมแรกที่เขาลงเล่นด้วย ซึ่งนัดนั้นเป็นนั้นที่ไม่ดีเอาซะเลยสำหรับลิเวอร์พูลและก็พ่ายแพ้ไป 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น นักเตะวัย 19 ปีก็มักจะถูงส่งลงมาเพื่อเล่นเกมโต้กลับเร็ว และก็มาระเบิดฟอร์มในตอนที่ได้มาเล่นกับซัวเรสและสเตอริดจ์ จาก 2 ประตูในนัดที่แล้วทำให้ฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้ว 9 ประตู แถมมีการเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ 78 ครั้ง และสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 43 ครั้ง และตอนนี้สเตอริ่งได้เข้ามาอยู่ในตัวเลือกแรกที่มีโอกาสที่จะลงฟาดแข้งกับเชลซีแล้ว



นักเตะทีมชาติบราซิล ผู้เคยมาเจรจากับลิเวอร์พูลก่อนที่จะจรดปากกากับเชลซี ตอนนี้ได้สอบแทรกขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมเชลซีได้แล้ว หลังจากที่พบความยากลำบากบ้างกับชีวิตในลอนดอน แม้จะมีความสามารถที่รอบด้าน แต่มูรินโย่ก็ยังต้องการอะไรมากกว่านั้นจากนักเตะของเขา สิ่งหนึ่งคือเกมรับ แต่วิลเลี่ยนสามารถกดดันกองหลังของฝั่งตรงข้ามได้ดี โดยที่สร้างโอกาสให้เพื่อนไปแล้ว 58 ครั้ง กับ 2 แอสซิสและ 3 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งการทำงานหนักของเขาทำให้เป็นที่ชื่นชอบมากของมูรินโย่ และก็หวังว่าจะได้ลงเล่นในเกมที่แอนฟิล

ซัวเรส vs ตอเรส

หลังจากที่มีดราม่าการย้ายตัวเมื่อตอนก่อนเริ่มฤดูกาล ทำให้มีคำถามตามมาในเรื่องของความกระตือรือร้น ความสามารถว่าจะทำได้ดีกับลิเวอร์พูลอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งผลงานในสนามก็ได้ตอบทุกอย่างแล้วสำหรับตัวนักเตะชาวอุรุกวัยรายนี้ ที่ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีคงไม่หนีหายไปไหน ซัวเรสอันตรายได้เท่าๆ กับสุดยอดกองหน้าทุกคนที่เคยมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับ 30 ประตูในฤดูกาลนี้ที่มีนักเตะเพียง 6 คนเท่านั้นที่ทำได้ แถมมีคู่กองหน้าอย่างสเตอริดจ์ที่ทำไปแล้ว 20 ประตู เป็นเพียงสองคนเท่านั้นในฤดูกาลนี้ที่ยิงได้เกิน 20 ลูก 

นอกจากนั้นซัวเรสยังนำอันดับแอสซิสที่ 12 ครั้งอีกด้วย มันแสดงหให้เห็นว่า เขาทำได้ทั้งการสร้างสรรค์และการจบสกอร์ เป็นกองหน้าที่อันตรายต่อฝั่งตรงข้ามอย่างมาก ซัวเรสได้ตอบแทนแฟนๆ ที่พร้อมจะหนุนหลังเขาด้วยการเล่นอันสุดยอดอย่างมาก กองหลังเชลซีนัดนี้ต้องเล่นได้อย่างสุดยอดเท่านั้น ถึงจะสามารถหยุดกองหน้ารายนี้อยู่



ตอเรสในตอนนี้ถือว่าเป็นกองหน้าตัวสำรองในสีเสื้อเชลซี อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลที่เคยเล่นได้อย่างสุดยอดในสีเสื้อลิเวอร์พูล แต่ที่นี่กลับไม่ใช่ ซึ่งปีนี้เขายิงไปเพียง 4 ประตูจากโอกาสยิง 33 ครั้ง ซึ่งเปอเซ็นต์การทำประตูต่ำเตี้ยมากอยู่ที่ 12% เท่านั้น แต่จะโทษตอเรสอย่างเดียวก็จะดูโหดร้ายไปหน่อย เพราะหลายครั้งในฤดูกาลนี้ตอเรสได้จับให้ไปเล่นในพื้นที่ที่ไม่ถนัด ทำให้ความมั่นใจเป็นปัญหาใหญ่ของตอเรสในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ตอเรสมักจะโผล่มายิงประตูสำคัญให้กับเชลซีได้อยู่เสมอ อย่างเช่นในเกมยุโรป และหวังว่านัดนี้เขาจะมาทำประตูสำคัญได้อีกครั้ง เพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์ลีกในปีนี้

บทสรุป

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนัดนี้ ตำแหน่งแชมป์ก็ยังไม่ถูกตัดสินจนกว่าจะผ่านอีกสองเกมที่เหลือหลังจากนี้ไปได้ แต่มันมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเพิ่มโอกาสการคว้าแชมป์ของตัวเอง ซึ่งถ้าจะมีใครมาหยุดความร้อนแรงของทีมหงส์แดงในตอนนี้ได้ เห็นว่าก็น่าจะมีแต่มูรินโย่เท่านั้น ซึ่งถ้าเขาสามารถคว้าผลการแข่งขันที่ดีออกมาได้จากแอนฟิล นัดนั้นต้องถือเป็นอีกนัดที่น่าจดจำเลยทีเดียว

ที่มา : http://eplindex.com/
แปล/เรียบเรียง : Tiger Sky (ผมเอง)

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

รีวิวบรรยากาศภายใน CP Mobile Cuisine

“เกี๊ยว Morning” ครับทุกคน วันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปลองชิมเกี๊ยว ที่ CP Mobile Cuisine มา ตอนแรกก็ตั้งใจไปทานเกี๊ยวจริงๆ แต่พอเจอคุณหลุยส์ สก๊อตเท่านั้นแหละ ก็อยากทานมากกว่าเดิม 




จากที่จะชิมเกี๊ยวฟรีชามเดียว เลยสั่งมาครบทุกเมนูเลย ต้องบอกเลยว่าอาหารอร่อยทุกอย่าง 

เรื่องบรรยากาศของซุ้ม CP Mobile Cuisine สิ่งแรกที่เราเห็นคือรถขนวัตถุดิบและเชฟที่จะมาปรุงอาหารสดใหม่ หน้าตาหน้าทานทุกเมนูเลย 




และเมื่อเข้าไปนั่งสิ่งแรกที่เราจะได้ทั้งที่ยังไม่ได้สั่ง คือน้ำชา กลิ่นหอมละมุน ชุดเสิร์ฟสวยหรู ชาม แก้ว ชุดเครื่องปรุง เป็นเซลามิคสีดำ ดูดีมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งทานเกี๊ยวในร้านอาหารที่ฝรั่งเศสเลยครับ



พนักงานเสิร์ฟก็อัธยาศัยดี บรรยากาศร่มรื่นมากๆ นอกจากได้ทานเกี๊ยวฟรีแล้วในงานยังมีกิจกรรมให้ถ่ายรูปแล้วอัปโหลดลงอินสตาแกรมอีกด้วย แค่ใส่ #cpwonton #wontonmorning อัปโหลดเสร็จก็รับกระเป๋าผ้าสวยๆไปเลย ซึ่งสามารถขอพร๊อพจากพนักงานเสิร์ฟ หรือให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้ก็ได้



ถ้าใครอยากลองชิมเกี๊ยวมอร์นิ่ง สามารถติดตามรายละเอียดของ CP Mobile Cuisine ได้ที่ https://www.facebook.com/brandcp

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

คิดถึงวิทยา หนังดีที่ครูคู่ควร

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นครูคนหนึ่ง อาจจะไม่ประจำแต่ก็เป็นครูสอนพิเศษคณิตศาสตร์หากินไปวันๆ และก่อนที่จะไปดู มีหลายคนมากๆ บอกว่าไม่อิน ไม่เห็นสนุกเลย แต่คิดว่า คนที่เป็นครูไปดูน่าจะอินนะ

ผมก็คิดว่า เห้ย...รู้ได้ไงว่ะว่าครูจะอิน ซึ่งแต่ละคนไม่มีใครเป็นครูเลยที่มาบอกว่าคนเป็นครูไปดูแล้วจะอินเนี่ย



และก่อนไปดู ผมจะถามทุกคนที่ดูแล้วว่าเปรียบเทียบกับ Timeline และ Until now แล้วเป็นไงบ้าง

และหลายคนที่ได้ดูหนังทั้งสองเรื่องก็บอกว่า ทั้งสองเรื่องข้างบนซึ้งกว่า จนผมก็เริ่มมาคิดจริงจังแล้วว่า สงสัยหนังจะไม่น่าดูจริงๆ

แต่ด้วยรายได้ตอนเปิดตัว มันสูงมากทีเดียว ก็คิดอีกว่า เอ...ลำพังแค่พี่บี้ จะทำให้หนังขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าหนังมันไม่ดีจริง จนกระทั่งผมพอจะมีเวลาออกไปดูหนังวันนี้เนี่ยแหละ หลังจากที่ไม่ได้ดูมานานมาก (ประมาณ 2 อาทิตย์)

หลังจากดูแล้วผมบอกเลยว่า อินว่ะครับ พอดูแรกๆ ผมไม่ได้อินในฐานะที่เป็นครูนะ แต่อินในตอนที่เป็นนักเรียนมากกว่า โดยเฉพาะตอนเรียนมหาวิทยาลัยเนี่ย มีอยู่ฉากหนึ่งผมอินมาก ฉากที่ครูแอนบอกนักเรียน ป.6 คนหนึ่งว่า

"ไม่ว่าแกจะทำอะไร ก็อย่าทิ้งการเรียนนะ"



น้ำตาแทบซึม คำที่อาจารย์ชนิศวรา ขึ้นมาในหัวผมเลย เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมตอนเรียนมหาวิทยาลัย พูดคำเดียวกันนี้เลย น้ำตาแทบซึมเลยผม

แถมดูๆ ไปทั้งครูแอน ครูสอง ก็ทำให้เห็นครูอาชีพจริงๆ ถ่ายทอดความเป็นครูออกมาได้ดีมาก เป็นครูต้นแบบที่ผมคิดว่าครูทุกคนควรจะเอาเป็นแบบอย่าง ทุกวันนี้หลายคนอาจจะลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญสำหรับครูไป ผมว่าถ้าครูได้ไปดูเรื่องนี้ มันจะเป็นการตอกย้ำความเป็นครู จะได้ไม่ลืมตัวไปกับยุคสมัย

และพอดูไป ผมก็ตอบคำถามตัวเองได้ข้อหนึ่งว่า ถ้าไปเทียบกับหนัง Timeline และ Until now แล้ว แบบไหนดีกว่ากัน

ซึ่งผมว่ามันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักมาน้อย ถึงแม้จะอินแต่ไม่ได้อินจนร้องไห้ แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นครูมากกว่า ผมว่าเป็นหนังที่ควรดูเลยล่ะ (มาบอกช้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้)